Categories
บทความ
บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ทำงานอย่างไร?

เมื่อคุณฝากเงินสดไว้ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และใช้เงินทุนเพื่อซื้อสินทรัพย์เพื่อการลงทุน เช่น หุ้น พันธบัตร กองทุนรวมและกองทุนรวมดัชนี (ETFs)

บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ใช้สำหรับการซื้อขายรายวันเพื่อรับผลกำไรระยะสั้นและเพื่อการลงทุนสำหรับเป้าหมายในระยะยาว บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ส่วนใหญ่มีวิธีการรับผลตอบแทนที่ดีจากเงินที่ไม่ได้ใช้ในการลงทุนเช่นกัน โบรกเกอร์จะดูแลบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของคุณและทำหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบดูแลหลักทรัพย์ที่คุณเป็นเจ้าของในบัญชีของคุณ และยังทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างคุณและตลาดหลักทรัพย์ในการซื้อขายสินทรัพย์ตามคำสั่งของคุณ

คุณสามารถเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ได้จากหลายบริษัท ตั้งแต่โบรกเกอร์บริการเต็มรูปแบบที่มีเมนูบริการทางการเงินครบครัน ไปจนถึงที่ปรึกษาการลงทุนระบบอัตโนมัติ (robo-advisors) และโบรกเกอร์ออนไลน์
โดยจะมีค่าธรรมเนียมและข้อกำหนดแตกต่างกัน เช่น อาจมีการกำหนดยอดเงินคงเหลือขั้นต่ำที่จำเป็นต้องใช้ในการเปิดบัญชี บางบริษัทอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการและอาจมีค่าคอมมิชชันจากการซื้อขายสินทรัพย์บางประเภท

บัญชีมาร์จิ้น vs. บัญชีเงินสด: แตกต่างกันอย่างไร?

บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์มีสองประเภทหลัก: บัญชีเงินสดและบัญชีมาร์จิ้น ความแตกต่างระหว่างบัญชีสองประเภทนี้คือวิธีการที่คุณซื้อสินทรัพย์การลงทุน

บัญชีเงินสดซื้อขายหลักทรัพย์คืออะไร?

เมื่อคุณมีบัญชีเงินสดไว้ที่นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ คุณจะสามารถซื้อหลักทรัพย์ด้วยเงินที่ฝากไว้ในบัญชี Matthew Boersen นักวางแผนทางการเงินที่ได้รับการรับรองในเมืองเจนิสัน มลรัฐมิชิแกนกล่าวว่า “ถ้าคุณมีเงิน 100 USD คุณจะซื้อหุ้นได้เพียง 100 USD เท่านั้น” “หากคุณไม่มีเงินในบัญชี คุณก็จะไม่สามารถซื้อหลักทรัพย์เพิ่มเติมได้”

บัญชีมาร์จิ้นซื้อขายหลักทรัพย์คืออะไร?

หากคุณมีบัญชีมาร์จิ้น คุณจะสามารถยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์การลงทุนได้ และการลงทุนดังกล่าวจะถือเป็นหลักทรัพย์ประกันเงินกู้ “ถ้าคุณมีเงิน 100 USD คุณจะสามารถซื้อหลักทรัพย์ที่มีมูลค่ามากกว่า 100 USD ได้” Boersen กล่าว “ผู้รับผิดชอบดูแลจะให้เงินกู้แก่คุณเพื่อให้คุณสามารถซื้อหลักทรัพย์เพิ่มได้ คุณก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้แต่เป็นเงินกู้ภายในบัญชีของคุณ”
บัญชีมาร์จิ้นจะช่วยให้คุณสามารถใช้กลยุทธ์ในการซื้อขายที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การขายชอร์ต แต่ก็มีความเสี่ยงในการใช้หนี้แทนเงินสดเพื่อการลงทุน ตัวอย่างเช่น หากมูลค่าหลักทรัพย์การลงทุนของคุณลดลง บริษัทนายหน้าซื้อขายอาจขอให้คุณชำระคืนหนี้มาร์จิ้นของคุณทันที ซึ่งเรียกว่าการเรียกหลักประกัน นอกจากนี้ บริษัทนายหน้าซื้อขายยังมีสิทธิ์ขายหลักทรัพย์การลงทุนใดๆ ในพอร์ตการลงทุนของคุณโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเพื่อชดเชยยอดขาดในบัญชี

บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ vs. บัญชีเงินเกษียณอายุ

บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และบัญชีเงินเกษียณอายุสามารถช่วยคุณประหยัดเงินในอนาคตได้ด้วยวิธีการนำเงินของคุณไปลงทุนในตลาดการเงิน อย่างไรก็ตาม บัญชีประเภทนี้มีความแตกต่างอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกล่าวถึงตัวเลือกในการลงทุนที่มีการนำเสนอและภาระทางภาษี

ความยืดหยุ่นของบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์

บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ต่างจากบัญชีเงินเกษียณอายุ (เช่น 401(k)s และ IRAs เป็นต้น) ตรงที่ไม่ถูกควบคุมโดยกฎและข้อจำกัดใดๆ บัญชีเงินเกษียณอายุอาจมีการจำกัดเงินสมทบประจำปี อีกทั้งยังมีกฏที่เข้มงวด เช่น เมื่อไหร่ที่คุณสามารถถอนเงินได้ และบัญชีเงินเกษียณอายุบางบัญชีอาจมีสินทรัพย์และหลักทรัพย์เพื่อการลงทุนให้เลือกอย่างจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบัญชี 401(k)

ในขณะเดียวกัน บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์มีความยืดหยุ่นกว่ามาก คุณสามารถฝากเงินได้มากเท่าที่คุณต้องการในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และคุณสามารถลงทุนในสินทรัพย์หรือหลักทรัพย์ใดก็ตามที่เสนอโดยนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของคุณ
“คุณสามารถใส่เงินเข้าไปเมื่อไหร่ก็ได้ที่คุณต้องการ เอาเงินออกมาเมื่อไหร่ก็ได้ที่คุณต้องการ” Boersen กล่าว “และไม่มีข้อจำกัดว่าตัวเลือกการลงทุนคืออะไร”

บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และภาษี

บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และบัญชีเงินเกษียณอายุมีการเรียกเก็บภาษีที่ต่างกัน การจ่ายเงินสมทบให้กับบัญชีเงินเกษียณอายุ IRAs แบบดั้งเดิมและบัญชี 401 (k) ทั่วไปจะทำก่อนที่คุณจ่ายภาษีเงินได้จากเงินเดือนของคุณ ยอดคงเหลือจะปลอดภาษีมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและคุณจะจ่ายภาษีเมื่อคุณถอนเงินในช่วงเกษียณอายุ
สำหรับบัญชี Roth IRAs และ Roth 401(k)s การจ่ายเงินสมทบจะเกิดขึ้นหลังจากที่คุณชำระภาษีเงินได้ เงินดังกล่าวจะปลอดภาษีเมื่อเวลาผ่านไปและคุณไม่ต้องเสียภาษีเมื่อคุณถอนเงินในช่วงเกษียณอายุ
สำหรับบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ เมื่อคุณขาย เมื่อคุณขายหลักทรัพย์การลงทุนเพื่อทำกำไร คุณต้องจ่ายภาษีผลกำไรจากส่วนต่างของราคาหลักทรัพย์ โดยทั่วไป หากคุณถือหลักทรัพย์การลงทุนไว้นานกว่าหนึ่งปี คุณจะต้องจ่ายอัตราภาษีผลกำไรจากส่วนต่างของราคาหลักทรัพย์ระยะยาวจากเงินที่ได้มาจากการขาย และหากคุณถือครองไว้น้อยกว่าหนึ่งปี คุณจะต้องจ่ายอัตราภาษีผลกำไรจากส่วนต่างระยะสั้น

คุณจะต้องเสียภาษีเมื่อคุณมีรายได้จากการลงทุนในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของคุณ เช่น เงินปันผลหรือดอกเบี้ย หรือเมื่อเงินสดในบัญชีของคุณได้รับดอกเบี้ย หากหุ้นที่คุณเป็นเจ้าของมีการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดหรือเงินปันผลที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เงินที่ได้รับอาจต้องเสียภาษี ภาษีรายได้จากดอกเบี้ยพันธบัตรยิ่งมีความซับซ้อน

กลยุทธ์ทางภาษีอย่างหนึ่งสำหรับนักลงทุนที่มีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เรียกว่า การลดหย่อนภาษีเงินได้จากการลงทุน ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง เมื่อคุณขายเงินหลักทรัพย์ลงทุนในราคาที่ต่ำกว่าที่คุณจ่ายไป คุณอาจใช้เงินขาดทุนบางส่วนในการชดเชยกำไรที่ต้องเสียภาษีต่างๆ ในพอร์ตการลงทุนของคุณ

หากคุณลงทุนอย่างมีกลยุทธ์โดยใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ คุณจะสามารถลดภาษีที่ต้องชำระได้อย่างมาก “สำหรับนักลงทุนบางคน บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์อาจมีประโยชน์พอๆ กับบัญชีเงินเกษียณอายุบางประเภท หากมีการบริหารจัดการอย่างถูกต้องด้วยมุมมองด้านภาษี” Boersen กล่าว

คุณจะรับบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ได้จากที่ไหน?

คุณสามารถเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับโบรกเกอร์ประเภทต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้:

โบรกเกอร์ออนไลน์ (online brokers)

สำหรับนักลงทุนที่ชอบกำหนดทิศทางการลงทุนด้วยตนเอง บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนได้ด้วยตัวคุณเอง โดยมีคำแนะนำเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยจากระบบอัลกอริทึมหรือผู้เชี่ยวชาญ

ที่ปรึกษาการลงทุนระบบอัตโนมัติ (robo-advisors)

สำหรับนักลงทุนที่ไม่ค่อยเข้าพอร์ตการลงทุนและปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการหรือผู้ที่ยังใหม่ต่อการลงทุน ที่ปรึกษาระบบอัตโนมัติมีการบริหารจัดการโดยอัตโนมัติและความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเป็นครั้งคราว
เพียงแค่คุณตอบคำถามสองสามข้อเกี่ยวกับเป้าหมาย ลำดับเวลาและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ จากนั้นระบบอัตโนมัติจะออกแบบพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายของ ETF หรือกองทุนรวมต้นทุนต่ำที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของคุณ โดยทั่วไปแล้ว ที่ปรึกษาการลงทุนระบบอัตโนมัติจะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม แต่ที่ปรึกษาการลงทุนระบบอัตโนมัติที่ดีที่สุดบางอย่างไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

บัญชีที่มีการบริหารจัดการ

โบรกเกอร์บริการเต็มรูปแบบและที่ปรึกษาทางการเงินจะดำเนินการบริหารจัดการบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ให้กับคุณ สำหรับบริการการจัดการบัญชีเช่นนี้ คุณจะได้รับคำแนะนำในแง่มุมอื่นๆ สำหรับชีวิตทางการเงินของคุณ เช่น อสังหาริมทรัพย์และการวางแผนเกษียณ
ค่าธรรมเนียมในบัญชีซื้อขายประเภทนี้มีราคาสูงที่สุด โดยทั่วไปที่ปรึกษาการลงทุนที่ได้รับการจดทะเบียนจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายปี 1.17% จากยอดคงเหลือของคุณ

เงินของคุณจะปลอดภัยในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์หรือไม่?

เงินสดและหลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ได้รับการประกันโดยบรรษัทคุ้มครองผู้ลงทุนในหลักทรัพย์ (SIPC) ประกันภัยที่จัดทำโดย SIPC ครอบคลุมเฉพาะหน้าที่การรับผิดชอบดูแลของนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เท่านั้น โดยจะทดแทนหรือคืนเงินเป็นเงินสดและทรัพย์สินของลูกค้าหากบริษัทนายหน้าล้มละลาย
SIPC ให้ความคุ้มครอง 500,000 USD ต่อลูกค้าหนึ่งราย รวมถึงเงินสดสูงสุด 250,000 USD เท่านั้น แต่ SIPC จะไม่คุ้มครองคุณจากการตัดสินใจลงทุนที่ไม่ถูกต้องหรือการสูญเสียมูลค่าการลงทุนของคุณ ไม่ว่าจะเกิดจากทางเลือกของคุณเองหรือคำแนะนำการลงทุนที่ไม่ดี

บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ประเภทใดที่ควรเลือก?

การเลือกบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ขึ้นอยู่กับประสบการณ์การลงทุนของคุณ รวมถึงระยะเวลาที่คุณสามารถทุ่มเทให้กับการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนของคุณและจำนวนเงินที่คุณต้องการจ่าย
“ถ้าคุณคือคนที่ต้องการอะไรที่ง่ายสุดๆ เช่น ซื้อหุ้นเพียงตัวเดียวหรือกองทุนเดียว หรือถ้าคุณชอบที่จะทำตามใจและตัดสินใจด้วยตัวเอง คุณอาจเลือกนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ให้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” Boersen กล่าว
ข้อเสียของวิธีการบริหารจัดการด้วยตนเองด้วยการใช้นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์คือ เมื่อตลาดมีความเสี่ยง คุณจะไม่มีใครคอยขัดขวางการลงทุนโดยใช้ความรู้สึกของคุณหรือช่วยหลีกเลี่ยงการตัดสินใจลงทุนผิดพลาด ตัวอย่างเช่น การปรับตัวลดลงของตลาดขนาดใหญ่มักจะกระตุ้นให้นักลงทุนที่ไม่มีประสบการณ์ขายเงินลงทุน ซึ่งมักเป็นทางเลือกที่ไม่คุ้มค่านัก
ในทางกลับกัน การร่วมมือกับที่ปรึกษาทางการเงินหรือโบรกเกอร์บริการเต็มรูปแบบจะช่วยให้คุณเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญที่มีความเข้าใจในตลาดและการลงทุนอย่างลึกซึ้ง เมื่อคุณใช้ประโยชน์จากบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีการบริหารจัดการอย่างเต็มรูปแบบ คุณจะแน่ใจว่าพอร์ตการลงทุนของคุณตรงกับแผนและเป้าหมายที่คุณและมืออาชีพได้พัฒนาร่วมกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่เหมาะสม “สามารถช่วยวิเคราะห์ระหว่างกลยุทธ์การลงทุนนับล้านและกำหนดกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า” Boersen กล่าว ซึ่งที่ปรึกษาการลงทุนระบบอัตโนมัติจะเป็นตัวเลือกเป็นกลาง บัญชีซื้อขายประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการตัดสินใจเลือกทั้งหมดด้วยตนเองและไม่พร้อมที่จะจ่ายในราคาที่สูงขึ้นสำหรับบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีการบริหารจัดการอย่างเต็มรูปแบบ

วิธีการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์

คุณสามารถเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ใหม่ได้โดยใช้เวลาไม่กี่นาที โดยที่คุณต้องมีเงินทุนในการฝากเงินครั้งแรก เพียงแค่คุณเตรียมตัวตอบคำถามและกรอกข้อมูลส่วนตัวบางอย่างในระหว่างการตั้งค่าบัญชี
โดยคุณต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ เช่น:
หมายเลขประกันสังคมหรือหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี
ใบขับขี่หรือหนังสือเดินทาง หรือบัตรประจำตัวอื่นๆ ที่ออกโดยหน่วยงานราชการ
ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการจ้างงานของคุณ
ข้อมูลทางการเงิน เช่น รายได้ต่อปีและรายได้สุทธิของคุณ
ภาพรวมพื้นฐานของวัตถุประสงค์การลงทุนของคุณ
หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ตัวไหนดี? เรามีข้อแนะนำสองข้อ:

เปรียบเทียบข้อเสนอของบัญชี

สำหรับโบรกเกอร์ออนไลน์และที่ปรึกษาการลงทุนระบบอัตโนมัติ ให้ดูค่าธรรมเนียม การเลือกกองทุนและดูว่าเวปไซต์ของบัญชีดังกล่าวใช้งานง่ายหรือไม่? คุณมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดขั้นต่ำของบัญชีหรือไม่? หากคุณต้องการความช่วยเหลือ มีเจ้าหน้าที่หรือบุคคลช่วยเหลือหรือไม่? ตรวจดูโบรกเกอร์ที่ต่างกันอย่างน้อยสามแห่งและอ่านบทวิจารณ์ออนไลน์

สอบถามเพื่อนฝูงหรือบุคคลรู้จัก

หากคุณกำลังมองหาบัญชีที่มีการบริหารจัดการหรือที่ปรึกษาทางการเงิน ให้ลองสอบถามบุคคลที่คุณรู้จักว่ามีโบรกเกอร์/ผู้เชี่ยวชาญที่จะแนะนำหรือไม่ และให้พบกับโบรกเกอร์หรือที่ปรึกษาดังกล่าวด้วยตนเองเพื่อดูว่าคุณจะสามารถทำงานร่วมกันอย่างไร?

“การพบปะกับที่ปรึกษาทางการเงินที่แตกต่างกันป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้เข้าใจปรัชญาและวิธีการทำงานเป็นทีมของที่ปรึกษาคนดังกล่าวอย่างแท้จริง” Weber กล่าว “ที่ปรึกษาทางการเงินคนนั้นทำงานกันเป็นทีมหรือทำงานเพียงคนเดียว? ใครเป็นผู้เลือกหลักทรัพย์การลงทุน? มีการนำเสนอแผนทางการเงินหรือไม่?”
บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เป็นส่วนสำคัญของแผนทางการเงินของคุณ เนื่องจากการลงทุนในตลาดเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดเพื่อการเติบโตในระยะยาว สิ่งสำคัญคือคุณต้องร่วมมือกับบริษัทหรือบุคคลที่ไว้วางใจได้ เพราะนี่คือเงินของคุณและคุณกำลังใช้เงินนั้นลงทุนเพื่ออนาคต

แปลบทความจากต้นฉบับ: What Is A Brokerage Account? – Forbes Advisor